ปวดคอ บ่า ไหล่ แบบไหนที่ต้องรีบไปรักษา

ปวดคอ บ่า ไหล่ แบบไหนที่ต้องรีบไปรักษา เนื้อหา
อาการปวดคอ บ่า ไหล่เป็นอย่างไร
ถ้าคุณมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แล้วมีอาการปวดลามไปส่วนอื่นๆ เช่น ปวดคอร้าวขึ้นหัว ปวดคอร้าวลงแขน ปวดคอร้าวลงไหล่ อาการเหล่านี้อาจมากกว่าการปวดคอ บ่า ไหล่ปกติทั่วไป ซึ่งควรทราบว่าปวดแบบไหนที่ต้องรีบไปรักษา เพื่อที่รักษาได้ทันการ
ปวดคอ บ่า ไหล่แบบไหนที่อันตรายต้องรีบไปรักษา
- ปวดคอบ่าเรื้อรังมากกว่า 1 ปี คือคนไข้ที่ปวดคอ บ่า ไหล่มานาน อาการปวดเป็นตลอดเวลา ทรมาน แม้กระทั่งเวลานอนก็ปวดคอ
- ปวดคอร้าวลงไปปวดที่หัวไหล่ ทำให้ยิ่งยกแขนยิ่งปวด หรือยกแขนได้ไม่สุด
- ปวดคอร้าวขึ้นหัว จะมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แล้วร้าวไปยังต้นคอ ท้ายทอย ถ้าอาการรุนแรง จะร้าวไปหัว ศีรษะ และปวดกระบอกตา ปวดรอบดวงตาร่วมด้วย
- ปวดหัวไหล่ มากร่วมกับมีอาการไหล่ติด ยกแขนได้ไม่สุด
- ปวดคอบ่าร้าวลงแขน จะมีอาการจะปวดร้าวลงแขนไปจนถึงมือ ร่วมกับมีอาการชา ถ้าเป็นหนักจะมีอ่อนแรงร่างกายร่วมด้วย เช่น กำมือได้ไม่สุด กระดกข้อมือไม่ขึ้น ขยับนิ้วลำบาก ยกแขนได้ไม่สุด
- ปวดคอเพราะมีอาการกดทับไขสันหลัง อาการปวดคอเรื้อรัง และปวดลงแขนหรือขา ทำให้มีอ่อนแรง หยิบจับของได้ละบาง การทรงตัวของร่างกายไม่สมดุล มีอาการเดินเซร่วมด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปวดคอ บ่า ไหล่
- ก้มคอมากเกินไป เช่น ก้มคอเล่นโทรศัพท์มือถือ
- นั่งขับรถทางไกล เพราะทำให้กล้ามเนื้อล้า ปวดคอ บ่า ไหล่
- การนั่งในท่าทางไม่เหมาะสมเป็นเวลนาน เช่น นั่งก้มตัวไปด้านหน้า นั่งยื่นคอไปด้านหน้ามากเกินไป
- บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย
- อุบัติเหตุทางรถยนต์
- มีแรงมากระแทกที่หัวไหล่อย่างรุนแรง เช่น การชนปะทะกันในกีฬารักบี้ อเมริกันฟุตบอล
วิธีรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่
- การทำกายภาพบำบัด รักษาปวด โดยเครื่องมือในการลดปวด เช่น เครื่องอัลตราซาวน์ ช็อคเวฟ เลเซอร์กำลังสูง ซึ่งจะช่วยลงไปรักษาได้ลึก และช่วยให้กล้ามเนื้อและพังผืดคลายตัว ลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่
- ประคบอุ่นหรือแช่น้ำอุ่นที่คอบ่า 15-20 นาที ทุกวัน เพื่อคลายพังผืด และกล้ามเนื้อ และเพิ่มการไหลเวียนเลือด
- ยืดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันการตึงตัวของกล้ามเนื้อ
- หลีกเลี่ยงท่าก้มคอที่มากเกินไป
- กินยา เพื่อลดอาการปวด โดยการกินยา ต้องได้รับการสั่งยาที่ถูกต้องและเหมาะสมโดยแพทย์ เพื่อความปลอดภัยในการรักษา
- ในรายที่มีอาการหนัก อาจต้องพบแพทย์เพื่อประเมินว่าต้องกินยาเพิ่มเติมหรือไม่