ปวดคอ บ่า ไหล่ แบบไหนที่ต้องรีบไปรักษา

ปวดคอ บ่า ไหล่

ปวดคอ บ่า ไหล่ แบบไหนที่ต้องรีบไปรักษา เนื้อหา

อาการปวดคอ บ่า ไหล่เป็นอย่างไร

             ถ้าคุณมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แล้วมีอาการปวดลามไปส่วนอื่นๆ เช่น ปวดคอร้าวขึ้นหัว ปวดคอร้าวลงแขน ปวดคอร้าวลงไหล่ อาการเหล่านี้อาจมากกว่าการปวดคอ บ่า ไหล่ปกติทั่วไป ซึ่งควรทราบว่าปวดแบบไหนที่ต้องรีบไปรักษา เพื่อที่รักษาได้ทันการ

ปวดคอ บ่า ไหล่แบบไหนที่อันตรายต้องรีบไปรักษา

  1. ปวดคอบ่าเรื้อรังมากกว่า 1 ปี คือคนไข้ที่ปวดคอ บ่า ไหล่มานาน อาการปวดเป็นตลอดเวลา ทรมาน แม้กระทั่งเวลานอนก็ปวดคอ
  2. ปวดคอร้าวลงไปปวดที่หัวไหล่ ทำให้ยิ่งยกแขนยิ่งปวด หรือยกแขนได้ไม่สุด
  3. ปวดคอร้าวขึ้นหัว จะมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แล้วร้าวไปยังต้นคอ ท้ายทอย ถ้าอาการรุนแรง จะร้าวไปหัว ศีรษะ และปวดกระบอกตา ปวดรอบดวงตาร่วมด้วย
  4. ปวดหัวไหล่ มากร่วมกับมีอาการไหล่ติด ยกแขนได้ไม่สุด
  5. ปวดคอบ่าร้าวลงแขน จะมีอาการจะปวดร้าวลงแขนไปจนถึงมือ ร่วมกับมีอาการชา ถ้าเป็นหนักจะมีอ่อนแรงร่างกายร่วมด้วย เช่น กำมือได้ไม่สุด กระดกข้อมือไม่ขึ้น ขยับนิ้วลำบาก ยกแขนได้ไม่สุด
  6. ปวดคอเพราะมีอาการกดทับไขสันหลัง อาการปวดคอเรื้อรัง และปวดลงแขนหรือขา ทำให้มีอ่อนแรง หยิบจับของได้ละบาง การทรงตัวของร่างกายไม่สมดุล มีอาการเดินเซร่วมด้วย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปวดคอ บ่า ไหล่

  1. ก้มคอมากเกินไป เช่น ก้มคอเล่นโทรศัพท์มือถือ
  2. นั่งขับรถทางไกล เพราะทำให้กล้ามเนื้อล้า ปวดคอ บ่า ไหล่
  3. การนั่งในท่าทางไม่เหมาะสมเป็นเวลนาน เช่น นั่งก้มตัวไปด้านหน้า นั่งยื่นคอไปด้านหน้ามากเกินไป
  4. บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย
  5. อุบัติเหตุทางรถยนต์
  6. มีแรงมากระแทกที่หัวไหล่อย่างรุนแรง เช่น การชนปะทะกันในกีฬารักบี้ อเมริกันฟุตบอล

 

วิธีรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่

  1. การทำกายภาพบำบัด รักษาปวด โดยเครื่องมือในการลดปวด เช่น เครื่องอัลตราซาวน์ ช็อคเวฟ เลเซอร์กำลังสูง ซึ่งจะช่วยลงไปรักษาได้ลึก และช่วยให้กล้ามเนื้อและพังผืดคลายตัว ลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่
  2. ประคบอุ่นหรือแช่น้ำอุ่นที่คอบ่า 15-20 นาที ทุกวัน เพื่อคลายพังผืด และกล้ามเนื้อ และเพิ่มการไหลเวียนเลือด
  3. ยืดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันการตึงตัวของกล้ามเนื้อ
  4. หลีกเลี่ยงท่าก้มคอที่มากเกินไป
  5. กินยา เพื่อลดอาการปวด โดยการกินยา ต้องได้รับการสั่งยาที่ถูกต้องและเหมาะสมโดยแพทย์ เพื่อความปลอดภัยในการรักษา
  6. ในรายที่มีอาการหนัก อาจต้องพบแพทย์เพื่อประเมินว่าต้องกินยาเพิ่มเติมหรือไม่